วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559

หลวงพ่อสอนอะไร ตอน 65 (แนวทางในการหาสถานที่ ตอนที่ ๑)

หลวงพ่อสอนอะไร(ตอนที่ ๖๕) แนวทางในการหาสถานที่ (ตอนที่ ๑)





หลวงพ่อสอนอะไร(ตอนที่ ๖๕)


แนวทางในการหาสถานที่ (ตอนที่ ๑)


   มีคำถามจากหลายท่านว่าทำไมวัดพระธรรมกายจึงสามารถขยายวัดสาขาในอเมริกาได้หลายแห่ง ก็ต้องตอบว่า หลัก ๆ เกิดจากเหตุ ๒ ประการ คือ

     ๑. หลวงพ่อทั้งสองคอยให้คำแนะนำในการทำงาน

     ๒. สาธุชนหรือกัลยาณมิตรทุกคนรักบุญ รักการสร้างบารมี




     การทำงานในช่วงแรก หลวงพ่อธัมมชโยจะคอยให้นโยบายในการเผยแผ่ โดยมีหลวงพ่อทัตตชีโวเป็นผู้ดูแลให้การทำงานเป็นไปตามนโยบาย ต่อมาภายหลังเมื่อสุขภาพไม่อำนวย หลวงพ่อธัมมชโยจึงได้มอบหมาย

          ให้หลวงพ่อทัตตชีโวดูแลทั้งหมด อาตมาเองไม่เคยคิดว่าตนเองจะต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ แต่เมื่อมองย้อนไปถึงช่วงปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ที่ได้มีโอกาสติดตามหมู่คณะไปปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อธัมมชโย มีหลายครั้งที่หลวงพ่อท่านได้พูดถึงการขยายงานไปที่ต่างประเทศโดยเฉพาะที่อเมริกาโดยท่านได้กล่าวว่า


               “ หากอเมริกาจาม ทั้งโลกก็ติดหวัด ”

     หมายความว่า หากเราสามารถไปขยายงานที่อเมริกาได้ การไปประเทศอื่น ๆ ก็ไม่ใช่ของยากแล้ว ในช่วงนั้นอาตมาคิดเพียงแค่ว่า อยากอยู่นั่งธรรมะกับหลวงพ่อ ไม่อยากไปไหน แต่ไม่รู้ว่าทำไม เวลาท่านพูดเรื่องต่างประเทศ อาตมากลับชอบที่จะตอบคำถาม และรู้สึกสนุกกับการที่ได้พูดถึง







     แม้หลวงพ่อวางแผนที่จะส่งทีมงานไปที่อเมริกาไว้หลายปีแล้ว แต่เอาเข้าจริงกว่าจะส่งพระและเจ้าหน้าที่ชุดแรกไปได้ ท่านก็วัดใจของญาติโยมอยู่เป็นปี โดยให้มีการรวมกลุ่มกัน จัดปฏิบัติธรรม บูชาข้าวพระกัน จนท่านมั่นใจว่า สาธุชนรักบุญ รักการสร้างบารมีจริง ๆ จึงได้เริ่มการทำงานในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยเริ่มต้นจากบ้านเซอริโตส จนก้าวมาเป็นวัดพุทธเมวูดย์ แล้วขยายจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ไปสู่ ชิคาโกและนิวเจอร์ซี



     ในระยะแรก ๆ เราก็ยังไม่ค่อยมีหลักในการหาสถานที่มากนัก ขอเพียงว่าตรงไหนมีที่ให้ไปสร้างบารมีได้ ก็จะรีบไป เนื่องจากไม่ค่อยมีตัวเลือกมากนัก และที่สำคัญทุนก็ไม่่ค่อยมี เพราะยึดหลักที่หลวงพ่อให้ไว้ คือ ไปที่ไหนต้องเอาดินที่นั่นถม คือ ไม่มีการเอาเงินจากวัดที่เมืองไทยไป จะต้องหาจากที่ที่เราไปปักหลัก

     ในช่วงที่ลองผิดลองถูกจากการทำงาน เริ่มต้นแม้การบริหารโดยรวมจะมีคณะกรรมการคอยดูแล แต่เรื่องการบริหารเงิน ก็ยังแยกกัน ทำให้การขยายงานค่อนข้างจะเป็นไปอย่างค่อยๆเป็นค่อยไปหรือพูดตรง ๆ คือ ช้า นั่นเอง จนกระทั่งเมื่อปรับเปลี่ยนวิธีจัดการโดยใช้ระบบกงสี คือ หากเจอที่ที่เหมาะสม แต่ละวัดก็จะลงขันกัน ซื้อโบสถ์หรืออาคารนั้น ๆ ทำให้งานเริ่มขยายเร็วขึ้น เพราะทุกวัดมีความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน



     ในช่วงนี้เองที่หลวงพ่อทัตตชีโว ท่านได้ให้หลักในการหาสถานที่ไว้
     “ เดิมเราเองไม่ค่อยมีตัวเลือกมากนัก ด้วยเหตุหลายประการ ไหนจะมีกำลังทรัพย์ไม่มากพอ ไหนจะต้องดูว่าตรงไหนมีคนของเรา แต่ ณ วันนี้ เราพอลืมตาอ้าปากได้แล้ว การจะหาสถานที่ เราต้อง คิด พิจารณาให้มากขึ้น เล็กไปก็ไม่พอมือ ใหญ่ไปมันก็จะทับเราตาย เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันคิด ดูให้เหมาะสม รวมทั้งการมองงานข้างหน้าว่าที่ไหนเหมาะต่อการที่จะเอาวิชชาธรรมกายไปปักหลัก ”

     “ หลวงพ่อครับ แล้วจะมีวิธีในการดูสถานที่อย่างไรครับ หากเราเกิดไปเจอที่หลายแห่ง ”
     ตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญที่อยากจะฝากพวกเราไว้ สำหรับผู้ที่กำลังมองหาที่ทางในการอยู่อาศัยก็ตามหรือจะทำธุรกิจก็ตาม สามารถจะนำหลักนี้ไปใช้ได้



     หลวงพ่อท่านได้ให้คำแนะนำว่า
     “ ให้ใช้หลักสัปปายะหรือสบาย ๔ ประการนั่นแหละมาประกอบการพิจารณา ตีตารางเข้าไป แล้วให้คะแนน สมมุติว่าแต่ละช่องเต็มสิบ มีกี่ที่ก็ใส่ลงไป แล้วดูว่าแต่ละที่เราจะให้คะแนนเท่าไร กำหนดไปเลย อาวาส อาหาร บุคคล ธรรมะ เสร็จแล้วก็รวมคะแนน อันไหนได้คะแนนมากสุด ก็เลือกอันนั้นแหละ ”
     หากใครยังนึกไม่ออก ก็ขอให้ดูตารางด้านล่างนี้




     ก็ขอฝากเป็นข้อคิดกับพวกเราว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม หลวงพ่อของเราท่านจะไม่เคยทิ้งหลักธรรม จึงทำให้การทำงานเป็นไปด้วยความรอบคอบ สมดังที่ท่านมักจะพูดเสมอว่า


“ จะทำอะไรก็ตาม ให้เอาหลังอิงต้นโพธิ์ ”





ขอขอบคุณภาพจากgoogle.com
อาสภกันโต ภิกขุ
๒๘ ก.ย. ๕๙

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น