วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2559

หลวงพ่อสอนอะไร ตอน 24 (ทุกข์ในการครองเรือน )

หลวงพ่อสอนอะไร(ตอนที่ ๒๔)




หลวงพ่อสอนอะไร(ตอนที่ ๒๔)



     พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยตรัสกับนางวิสาขาในยามที่นางกำลังประสบทุกข์จากการสูญเสียหลานคนโปรดสรุปความว่า

          “ ผู้ใดมีรักร้อยก็ทุกข์ร้อย มีรักหนึ่งก็ทุกข์หนึ่ง ไม่รักก็ไม่ทุกข์ ”



     แค่เพียงความรักระหว่างเครือญาติยังเป็นทุกข์ แม้ความรักระหว่างพ่อแม่ที่มีต่อลูกก็ยังเป็นทุกข์ นับประสาอะไรกับความรักระหว่างชายหญิง จะไม่ทุกข์เป็นไม่มี เพียงแต่จะทุกข์มากหรือน้อยเท่านั้น




     ในทางโลก หน้าที่ของพ่อแม่ที่มีต่อลูกนั้น ประกอบด้วย

๑. ห้ามลูกไม่ให้ทำชั่ว

๒. สอนให้ลูกหมั่นทำความดี

๓. ให้การศึกษาอย่างดีที่สุด

๔. เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็ยกทรัพย์สมบัติให้

๕. หาคู่ครองที่ดีให้


     แต่สำหรับลูกๆในองค์กรแล้ว พระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสองท่านจะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ลูกๆ ต้องประสบความทุกข์จากความรัก โดยการตอกย้ำให้มั่นคง ในเป้าหมายชีวิตที่จะประพฤติพรหมจรรย์

     ท่านจะคอยพร่ำสอนอยู่เนือง ๆ โดยยกโอวาทของคุณยายมาตอกย้ำว่า หากเราอยู่ตัวคนเดียว อยากจะทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนาอย่างไรก็ได้ แต่หากมีครอบครัว ก็ต้องให้เวลากับครอบครัว จะทำความดีให้เต็มที่ก็ลำบาก ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย


     หลวงพ่อธัมมชโย มักจะยกพุทธพจน์มาสอนลูกพระลูกเณรว่า ชีวิตของฆราวาสเป็นทางคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี บรรพชาเป็นโอกาสว่าง ถ้ายังอยู่ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียว ดุจสังข์ที่เขาขัดดีแล้ว นี้ไม่ใช่ทำได้ง่าย

     จากการที่หลวงพ่อทั้งสองได้ทำตนให้เป็นต้นแบบในการประพฤติพรหมจรรย์โดยการอุทิศตนบวชตลอดชีวิต จึงทำให้ลูกพระลูกเณรเกิดกำลังใจที่จะเดินตามปฏิปทาของท่าน


     ในการอบรมธรรมทายาทรุ่นแรก ๆ นั้น หลวงพ่อทั้งสองจะหาเวลามานำปฏิบัติธรรมบ้าง มาให้ธรรมะบ้าง ทุกครั้งท่านก็จะเน้นย้ำว่า หากใครไม่ติดภารกิจทางโลก ก็อยากให้มาช่วยกันเผยแผ่ธรรมะ


     มีอยู่วันหนึ่งที่หลวงพ่อทัตตชีโวท่านมาให้ปัจฉิมโอวาทกับธรรมทายาทที่กำลังจะลาสิกขา ซึ่งเป็นโอวาทที่อาตมาจำได้ดีมาก และชอบเล่าให้หมู่คณะฟัง เพราะนอกจากจะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ขันของหลวงพ่อแล้ว ยังเป็นโอวาทที่ทำให้อาตมาคิดตาม และตัดสินใจอยู่กับหลวงพ่อจนถึงทุกวันนี้

“ ไหนใครจะลาสิกขาบ้าง ยกมือ ”

     ธรรมทายาทส่วนมากก็ยกมือเพราะเป็นชุดที่บวชเข้าพรรษา โดยมากก็มีงานมีการทำหรือมีภาระทางครอบครัวแล้ว

“ พวกที่ยังไม่มีครอบครัว แต่จะลาสิกขาเพราะมีใครรออยู่ใช่ไหม ”

     “ ครับ ” เสียงตอบรับดังเกรียวกราว

     “ ลูกเอ้ย นึกดูให้ดีนะ หากเอ็งเดินไปกับเขาสองคน เผอิญผ่านร้านอาหาร แล้วพ่อครัว แม่ครัว มันสาดขี้เถ้าร้อน ๆ มีเศษถ่านแดง ๆ ติดมาด้วย มาที่เอ็งทั้งคู่ มันจะปัดให้ใครว๊ะ ” หลวงพ่อตั้งคำถาม

     “ เขาก็ต้องปัดให้เขาเองสิครับหลวงพ่อ ” ธรรมทายาทตอบโดยพร้อมเพรียง

     “ นั่นปะไร ก็มันเห็นแก่ตัวยังงั้น จะเอามาทำอะไรว๊ะ ” หลวงพ่อเฉลย

     นึกว่าจะจบ ปล่าว ไม่จบ มีธรรมทายาทท่านหนึ่งถามหลวงพ่อต่อไปว่า

“ หลวงพ่อครับ แล้วหากเขาปัดให้เราหล่ะครับ ”

     คิดว่าหลวงพ่อจะจนมุมหรือจ๊ะ ปล่าวหรอก คำตอบของหลวงพ่อ ทำเอาธรรมทายาทหัวเราะกันลั่นเลยทีเดียว

     “ ลูกเอ้ย ผู้หญิงโง่ ๆ แบบนั้น ยังจะเอามาเป็นแม่ของลูกหรือว๊ะ ”

     ธรรมทายาทอีกท่านรีบแย้งขึ้นมาทันที 

“ อ้าว หลวงพ่อครับ ปัดให้ตัวเองก็ไม่ดี ปัดให้เราก็ไม่ดี แล้วจะยังไงครับ ”

หลวงพ่อหัวเราะแล้วก็รีบเฉลยคำตอบที่สุดยอดว่า 

“ อ้าว เอ็งก็มาบวชอยู่กับหลวงพ่อสิว๊ะ ”

      เพราะโอวาทของหลวงพ่อในวันนั้น คนอื่นอาจจะฟังขำ ๆ แต่อาตมาเองคิดตาม เลยตัดสินใจอยู่กับหลวงพ่อจนถึงทุกวันนี้ และจะขอติดตามหลวงพ่อสร้างบุญบารมีไปทุกภพทุกชาติจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม



ขอขอบคุณภาพจาก google.com
อาสภกันโต ภิกขุ
๑๒ ส.ค. ๕๙

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น