วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

หลวงพ่อสอนอะไร ตอน 2 ( เทคนิคการใช้คำพูดสอนให้คิด )

หลวงพ่อสอนอะไร(ตอนที่ ๒)



หลวงพ่อสอนอะไร(ตอนที่ ๒)


     ตั้งแต่ครั้งที่หลวงพ่อธัมมชโยท่านได้พบกับคุณยาย สิ่งที่อยู่ในใจของท่านตลอดมา คือ การปฏิบัติธรรม แม้วันไหนที่มีสอบ ท่านยังไม่เว้นที่จะต้องไปพบคุณยายให้ได้  ดังนั้นเมื่อมาสร้างวัด สิ่งที่ท่านหวังก็คือ การให้ผู้มาร่วมสร้างบารมีกับท่าน ได้มีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน มั่นคง ซึ่งไม่มีวิธีไหนจะดีไปกว่า การมีผลการปฏิบัติธรรมที่ดี



     ในช่วงที่อาตมาบวชใหม่ ๆ ได้ ๓ พรรษานั้น วัดของเรายังไม่มีสถานที่ปฏิบัติธรรมของตนเอง ต้องอาศัยการไปใช้ที่ของอุทยานแห่งชาติที่ดอยสุเทพ-ปุยบ้าง หรือที่ภูกระดึงบ้าง เนื่องจากหลวงพ่อท่านเข้าใจธรรมชาติของลูก ๆ ว่าการเป็นผู้ฝึกใหม่ จำเป็นจะต้องมีที่ที่เป็นสัปปายะหรือที่ที่สบาย เหมาะสมทั้งเรื่องที่พัก อาหาร ผู้คนรอบตัว และธรรมะ

     ท่านจึงเสาะแสวงหาสถานที่ต่าง ๆ เพื่อผลการปฏิบัติธรรมที่ดีให้กับลูก ๆ ที่เป็นแก้วตาดวงใจของท่าน



     มีครั้งหนึ่งที่อาตมาได้มีโอกาสตามหลวงพ่อและหมู่คณะไปปฏิบัติธรรมที่ภูกระดึง ที่นี่เองทำให้อาตมาได้เห็นคุณธรรมในเรื่องการรักการปฏิบัติธรรมของท่าน กล่าวคือ ปกติในรอบเช้ามืด จะเริ่มนั่งธรรมะกันในเวลา ๐๔.๓๐ น. ทุกครั้งที่อาตมามาถึงห้องปฏิบัติธรรม ก็จะเห็นหลวงพ่อท่านนั่งหลับตาอยู่ก่อนแล้ว วันต่อมาอาตมาอยากรู้ว่าท่านมาตอนไหน เลยยอมตื่นแต่เช้า แล้วเข้าห้องปฏิบัติธรรมเวลา ๐๔.๐๐ น. เมื่อไปถึงก็เห็นหลวงพ่อนั่งหลับตาอยู่ วันต่อมาเลยมาเช้ากว่าเดิม คือ ไปถึงห้องในเวลา ๐๓.๓๐ น. ก็พบว่าท่านนั่งอยู่ก่อนแล้วเช่นเคย เลยต้องยอมแพ้ และไม่กล้าถามท่านว่าท่านมาตอนไหน และจนกระทั่งถึงวินาทีนี้ ก็ยังไม่กล้าถามท่านอยู่ดี


     ความประทับใจที่มีต่อท่านนั้น หากจะว่าไปแล้วมันมีมากมาย ไม่ใช่เพียงเรื่องการปฏิบัติธรรมเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของคำพูดที่ท่านจะมีวิธีสอนลูก ๆ โดยไม่ให้ลูก ๆ รู้สึกว่าถูกตำหนิ เช่น มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ภูกระดึงนี่เอง หลังจากปฏิบัติธรรมในรอบเช้ามืดเสร็จเวลา ประมาณ ๐๗.๐๐ น. ก็จะมาฉันหรือทานข้าวกันที่โรงอาหาร จำได้ดีว่า อาหารเช้าวันนั้นคือ ข้าวต้ม พวกเราก็ฉันกันอย่างเอร็ดอร่อย หลังจากฉันเสร็จก็ทิ้งทิชชูไว้ที่ชามข้าวต้ม โดยไม่ได้คิดอะไรกัน


     อย่างที่เคยเล่าให้พวกเราฟังในตอนที่ ๑ ว่า หลวงพ่อท่านจะสอนพวกเราทั้งหยาบและละเอียด คำว่า หยาบ ในที่นี้คือ เรื่องของความเป็นอยู่และการปฏิบัติตัว ส่วนละเอียด คือ เรื่องของการปฏิบัติธรรม ดังนั้นพอพวกเราฉันเสร็จ หลวงพ่อท่านจะเดินมาดู คอยถามเราว่าอาหารเป็นไงบ้าง ถูกปากไหม แล้วท่านก็มองไปที่ชามข้าวต้มของพวกเรา มองแล้วท่านก็มองหน้า พร้อมกับพูดนิ่ม ๆ แต่เราฟังแล้วรู้สึกผิดขึ้นมาในใจ และสัญญากับตัวเองเลยว่า แต่นี้ต่อไปทั้งชีวิตจะไม่ทำอีกแล้ว คำพูดของท่านไม่มีคำตำหนิแม้แต่คำเดียวจริง ๆ ท่านพูดช้า ๆ ชัด ๆ ว่า 

     “ เอ๊ะ ทำไมกับข้าวพวกเรากับหลวงพ่อไม่เหมือนกันหล่ะ ของหลวงพ่อเป็นข้าวต้ม แต่ทำไมพวกเรามีเกี๊ยวด้วยหรือ ”

     หากใครยังสงสัยว่า หลวงพ่อหมายถึงอะไร ก็ลองเอาทิชชูที่ขยุ้ม ๆ ทิ้งลงในชามข้าวต้มก็จะนึกภาพออก

     ฝากเป็นข้อคิดกับคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย การสอนลูกไม่จำเป็นต้องใช้การดุด่าแต่อย่างใด ใช้วิธีแบบหลวงพ่อนี่แหละ 

ครั้งเดียวอาตมาจำจนตายเลยหล่ะ



ขอขอบคุณภาพจาก google.com
อาสภกันโต ภิกขุ
๑๖ ก.ค. ๕๙

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น