วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559

หลวงพ่อสอนอะไร ตอน 80 ผู้ไขปัญหา (ตอนที่ ๓)

หลวงพ่อสอนอะไร(ตอนที่ ๘๐)

ผู้ไขปัญหา(ตอนที่ ๓)


     เมื่อธรรมทายาทบวชใหม่ ๆ หลวงพ่อทั้งสองจะตอกย้ำอยู่เสมอเรื่องการศึกษาทั้งภาคปริยัติ และปฏิบัติเพื่อจะได้บรรลุผลคือ ปฏิเวธ


     หลวงพ่อทัตตชีโว จะคอยสอบถามลูก ๆ ว่าอ่านพระไตรปิฎกกันบ้างไหม สำหรับอาตมาก็ขอยอมรับความจริงว่า ก่อนบวชก็เคยเห็นพระไตรปิฎกอยู่ไกล ๆ ในตู้ที่วัดข้างบ้าน เข้าใจว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ เลยไม่กล้าไปแตะ


    เมื่อมาอยู่ที่วัดพระธรรมกายเพิ่งรู้ว่า อ้าว นี่เรื่องสำคัญอยู่ที่นี่นี่นา ยิ่งหลวงพ่อคอยถามอยู่บ่อย ๆ ก็คิดว่าต้องสำคัญแน่ ๆ  แต่กระนั้น ก็เลือกดูว่าอะไรน่าอ่านก่อน แล้วก็พบว่า พระวินัยนี่อ่านแล้วต้องตีความ ไม่สนุก พระอภิธรรมยิ่งเป็นเรื่องยาก แล้วก็สรุปว่า พระสูตรนี่แหละอ่านเพลิน มีเรื่องราวประกอบ 


     จนกระทั่งวันหนึ่ง ได้ไปกราบหลวงพ่อทัตตชีโว จู่ ๆ หลวงพ่อก็ปรารภขึ้นมาเอง ทำเอาอาตมาสะดุ้งไปเลย 

     “ ความผิดพลาดของพวกเราในการศึกษาพระไตรปิฎก คือ เรามักจะเริ่มศึกษากันที่พระสูตร เราพากันมองข้ามพระวินัยไป

     เราปฏิเสธบทฝึกที่จะทำให้เราไปนิพพาน 

     ในพระวินัยนี่แหละที่พุทธองค์ให้บทฝึกไว้ จะเป็นใครมาจากไหน เมื่อออกบวชแล้ว ให้บิณฑบาตเป็นวัตร นุ่งห่มผ้าบังสุกุล อยู่โคนไม้เป็นวัตร และฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า 

     นั่นแหละ บทฝึกเพื่อไปนิพพาน แต่เราไม่ทำ เราอยากออกจากทุกข์ แต่ปฏิเสธวิธีพ้นทุกข์ และจริง ๆ แล้ว พระวินัยทั้งหมด มีแค่ สะอาดกับระเบียบ ”



     หลวงพ่อเล่ามาถึงตรงนี้ จู่ ๆ ท่านก็ถามขึ้นมาว่า 

     “ เอ็งรู้ตัวไหมว่า เริ่มไม่จริง มาตั้งแต่เมื่อไร ”

     พอหลวงพ่อเห็นอาตมาทำหน้างง ๆ ท่านเลยเปลี่ยนคำถามใหม่

     “ เอ็งเริ่มมีเล่ห์เหลี่ยมมาตั้งแต่เมื่อไร ”

     อาตมาหัวเราะ แล้วรีบตอบท่านว่า 

     “ ตั้งแต่จำความได้ก็เริ่มมีเล่ห์เหลี่ยมกับพ่อแม่แล้วครับ ห่วงเล่น เห็นเพื่อนไปวิ่งเล่นที่วัด แม่บอกให้อาบน้ำ ก็รีบเข้าห้องน้ำ เอาน้ำราดขา เอาหัวจุ่มโอ่ง ก็รีบออกมาแล้วครับ ”

     “ เออ คนเรามันก็เป็นพรรค์นั้น อยากสะอาด แต่ก็รังเกียจที่จะขจัดความสกปรกที่ออกมาจากตัวเอง ฉะนั้นหากใครได้พ่อ แม่ดี คอยเคี่ยวเข็นเรื่องนี้มาก ก็พอรอดตัวไป ”


     “ หลวงพ่อครับ แล้วบ้านไหนที่เขามีคนทำความสะอาดให้ เขาก็ไม่มีปัญหาเรื่องนี้สิครับ ”

     “ ทำไมจะไม่มี ดูให้ดีนะ บ้านไหนที่พ่อแม่เขาฝึกมาดี เห็นใครมาทำความสะอาดให้นี่ ขอบอกขอบใจ แทบจะกราบเขาเลย

     แต่บ้านไหนที่พ่อแม่ฝึกมาไม่ดี ไอ้ลูกนี่แหละ จะเป็นคนที่ชอบดูถูกคน เห็นใครมาทำความสะอาดให้ แทนที่จะขอบคุณเขา กลับดูถูกเขาซะอีกว่า เขาชั้นต่ำ จึงต้องมารับใช้ มาทำความสะอาดให้ ”


     “ หลวงพ่อครับ เกี่ยวกับเรื่องความสะอาดนี่ คุณยายสอนหลวงพ่อยังไงบ้างครับ ”

     “ ยายไม่ได้สอนด้วยคำพูด แต่ยายทำให้ดู หลวงพ่อได้ตัวอย่างจากยายมากมาย แค่การบ้วนน้ำลาย หลวงพ่อยังต้องฝึกกับยาย เวลายายทำอะไรยายจะนึกถึงคนอื่นเสมอ อย่างการบ้วนน้ำลายนี่ ยายบอกมันเป็นของน่ารังเกียจ จึงเอากระดาษชิ้นเล็ก ๆ ทับไว้ เวลาคนที่เขาเอาไปทิ้ง เขาก็ไม่เห็นความน่ารังเกียจนั้น นี่คือ บทฝึกของการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ”


      เมื่อหลวงพ่อเล่าถึงตรงนี้ ทำให้อาตมานึกย้อนหลังไปสมัยเป็นนักศึกษาแล้วก็รู้สึกละอายใจ ที่เวลาเข้าเรียนจะต้องไปจองที่นั่ง วางหนังสือไว้ก่อนหรือขึ้นรถเมล์ก็จองที่นั่งให้เพื่อน ไม่สนใจว่าคนอื่น เขาจะมองยังไง

 
     หวังว่าพวกเรานักสร้างบารมีทั้งหลาย คงจะไม่เป็นอย่างนี้นะ เวลาเรามาวัด จอดรถจอดราหรือการขับขี่ เราก็ต้องนึกถึงอกเขาอกเรา ไปสวดมนต์ก็คงไม่ต้องไปจองที่หรือคนเดียวแต่วางของหลายเก้าอี้ อย่าลืมที่หลวงพ่อทัตตชีโวท่านย้ำว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ เป็นบทฝึกให้กับเราทั้งสิ้น






ขอขอบคุณภาพจาก google.com และ dmc.tv
อาสภกันโต ภิกขุ
๑๘ ต.ค. ๕๙ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น